วิเคราะห์รายงานเศรษฐกิจมหภาค:

มีรายงานทางเศรษฐกิจมหภาคมากมายที่กำหนดจะประกาศในวันพฤหัสบดี แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นรายงานรอง ตัวอย่างเช่น รายงาน GDP ของเขตยูโรในรอบที่สองซึ่งถือว่าเป็นรายงานที่สำคัญน้อยที่สุด อีกทั้งดัชนีราคาผู้ผลิตและการขอรับสวัสดิการการว่างงานของสหรัฐอเมริกาก็ดูไม่น่าสนใจเท่ากับรายงานอื่นๆ และพื้นฐานเศรษฐกิจที่กว้างขึ้น แต่เทรดเดอร์อาจต้องการมุ่งเน้นไปที่รายงาน GDP ของสหราชอาณาจักรและตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมของเขตยูโร

การวิเคราะห์เหตุการณ์พื้นฐาน:

ในบรรดาเหตุการณ์สำคัญของวันพฤหัสบดี ควรสังเกตถึงการกล่าวสุนทรพจน์ของ Thomas Barkin สมาชิก FOMC โดยความน่าจะเป็นที่ Federal Reserve จะลดอัตราดอกเบี้ยหลักในเดือนกันยายนอยู่ที่เกือบ 100% แต่ตอนนี้มีข่าวลือว่าธนาคารกลางอาจลดอัตราดอกเบี้ยมากถึง 0.5% ในครั้งเดียว นอกจากนี้ ยังสำคัญที่จะต้องรู้ว่าจะมีรอบของการผ่อนคลายนโยบายการเงินเกิดขึ้นกี่ครั้งก่อนสิ้นปี ตลาดกำลังคาดหวังการลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้ง ครั้งละ 0.25% ถ้าเจ้าหน้าที่ของ Fed เริ่มพูดถึงการผ่อนคลายที่ลึกขึ้น สิ่งนี้อาจลดความต้องการสำหรับดอลลาร์เพิ่มเติม

สำหรับผู้ค้ายังคงให้ความสำคัญกับสงครามการค้า ซึ่งได้รับแรงกระตุ้มใหม่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเชื่อว่าสัญญาการค้าใดๆ ที่ยังคงมีอัตราภาษีเหมือนเดิมก็เสมือนสงครามการค้า แต่ภายใต้ชื่อใหม่ สำหรับสหรัฐอเมริกา ข้อตกลงเช่นที่ทำกับสหภาพยุโรปหรือญี่ปุ่นนั้นมีประโยชน์อย่างแน่นอน ดังนั้น ข้อตกลงใหม่ที่คล้ายกันอาจทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ในระดับโลกและโครงสร้างพื้นฐาน ตลาดจะยังคงระลึกถึงสถาปัตยกรรมการค้าใหม่และนโยบายคุ้มครองของ Donald Trump

ข้อสรุป:

ในวันก่อนสุดท้ายของการซื้อขายในสัปดาห์ ทั้งคู่เงินตราอาจหยุดหรือยังคงขึ้นอย่างช้าๆ ที่มีระเบียบ ฉากหลังมาโครเศรษฐกิจและพื้นฐานของวันนี้มีแนวโน้มจะมีผลกระทบจำกัดต่อการเคลื่อนไหวของทั้งสองคู่ อย่างไรก็ตาม โดยรวม เรายังคาดหวังว่าจะมีการเติบโตต่อไป สำหรับยูโร ควรรอให้มีสัญญาณการค้ารูปแบบใหม่ขึ้นม สำหรับปอนด์อังกฤษ พื้นที่ 1.3574–1.3590 จะแสดงทิศทางที่เป็นไปได้ในวันพฤหัสบดี

กฎสำคัญสำหรับระบบการซื้อขาย:

1. ความแข็งแกร่งของสัญญาณ: ยิ่งใช้เวลาน้อยในการที่สัญญาณจะเกิดขึ้น (การกระเด้งหรือการทะลุ) ยิ่งแข็งแกร่งสัญญาณ
2. สัญญาณเท็จ: ถ้าการซื้อขายใกล้กับระดับเกิดสัญญาณเท็จหลายครั้ง สัญญาณจากระดับนั้นควรจะถูกละเลย
3. ตลาดแบน: ในสภาพตลาดแบน คู่สกุลเงินอาจสร้างสัญญาณเท็จหลายๆสัญญาณหรือไม่มีเลย หยุดการซื้อขายทันทีที่มีสัญญาณของตลาดแบน
4. ชั่วโมงการซื้อขาย: เปิดการซื้อขายระหว่างการเปิดตลาดยุโรปจนกลางวันของตลาดสหรัฐฯ และปิดการซื้อขายทั้งหมดด้วยตัวเอง
5. สัญญาณ MACD: ในกรอบเวลารายชั่วโมง ให้ซื้อขายสัญญาณ MACD เฉพาะในช่วงเวลาที่มีความผันผวนที่ดีและมีแนวที่ชัดเจนได้รับการยืนยันโดยเส้นแนวโน้มหรือช่องแนวโน้ม
6. ระดับปิดที่ใกล้กัน: ถ้าสองระดับใกล้กันเกินไป (ห่างกัน 5–20 pips) ให้ปฏิบัติต่อเป็นโซนสนับสนุนหรือแนวต้าน
7. การตั้งค่า Stop Loss: ตั้งค่า Stop Loss ให้เป็นค่าเริ่มต้นเมื่อราคาขยับไปยังทิศทางที่ต้องการ 15–20 pips

องค์ประกอบสำคัญของกราฟ:

ระดับสนับสนุนและแนวต้าน: เป็นระดับเป้าหมายสำหรับการเปิดหรือปิดตำแหน่งและสามารถเป็นจุดสำหรับการวางคำสั่ง Take Profit

เส้นสีแดง: ช่องหรือเส้นแนวโน้มแสดงถึงแนวโน้มปัจจุบันและทิศทางที่ต้องการสำหรับการซื้อขาย

ตัวบ่งชี้ MACD (14,22,3): เป็นฮิสโตแกรมและเส้นสัญญาณที่ใช้เป็นแหล่งเสริมของสัญญาณการซื้อขาย

สุนทรพจน์และรายงานสำคัญที่ปรากฏในปฏิทินข่าวเป็นประจำ อาจมีผลกระทบอย่างมากต่อการเคลื่อนไหวของคู่เงิน ดังนั้นในขณะที่เผยแพร่ ควรซื้อขายด้วยความระมัดระวังหรือพิจารณาออกจากตลาดเพื่อหลีกเลี่ยงการกลับตัวรุนแรงของราคาในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวโน้มก่อน

ผู้เริ่มต้นในตลาด Forex ควรเข้าใจว่าไม่ทุกการทำธุรกรรมจะทำกำไรได้ การพัฒนากลยุทธ์การซื้อขายที่ชัดเจนและการฝึกฝนการบริหารเงินที่มีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประสบความสำเร็จระยะยาวในการซื้อขาย